7 ข้อต้องรู้ ก่อนติดตั้ง “โซลาร์ รูฟท็อป” บนหลังคาบ้านให้คุ้มค่าที่สุด ต้องเตรียมตัวอย่างไร
ก่อนติดตั้ง “Solar Rooftop” บนหลังคาบ้านให้คุ้มค่า ต้องรู้ไรบ้าง ?
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ได้แพร่ระบาดในทั่วโลกและประเทศไทยเรานั้น ได้ส่งผลให้ผู้คนปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในวิถีใหม่ (New Normal) โดยสิ่งที่เราสังเกตเห็นชัดที่สุดก็คือ การสวมหน้าอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการใช้ชีวิตในบ้านมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผู้คนต้องการทำกิจกรรมต่างๆหรือการการทำงานในรูปแบบทางไกลหรือ Work from Home ดังนั้นสิ่งที่จะมาตอบโจทย์ความสะดวกเหล่านี้ คือกระแส Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะนั้นเอง
หนึ่งในปัจจัยสำคัญของ Smart Home คือบ้านที่เราพักอาศัยจะต้องเป็นบ้านที่ใช้พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อโลกของเรา รวมทั้งการลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านเราอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือบ้านที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน หรือที่เราเรียกว่า Solar Rooftop เพื่อผลิตไฟฟ้ามาใช้ภายในครัวเรือนเรานั้นเอง
แน่นอนว่าความต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรือนนั้นมีมาก่อนหน้าที่เราจะต้องกักตัวอยู่กับบ้าน แต่เมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้เราต้องใช้ไฟอยู่กับบ้านมากขึ้น ค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายมากขึ้น เดิมทีแทบจะไม่ค่อยใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันเลย แต่ ณ เวลาและสถานการณ์แบบเรากลับต้องใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันมากขึ้น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ก็ดูจะเป็นหนึ่งในวิถีใหม่ที่ดีกว่าเดิม เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว รวมทั้งยังมีส่วนร่วมในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลไปพร้อมๆกันอีกด้วย
วันนี้ทางทีมงาน Solar PPM ได้รวบรวม 7 ขั้นตอนที่ต้องรู้ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อให้ทุกคนที่อยากติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เข้าใจ และเตรียมพร้อมสำหรับการติดตั้งโซลาร์
1.เช็คพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในบ้านด้วย บิลค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 3 เดือน – 1 ปี
ก่อนจะหาสเปคแผงโซลาร์เซลล์ หรือคิดว่าบ้านเราจะต้องติดตั้งกี่แผงดี? หยุดความคิดนั้นก่อน เพราะสิ่งที่ต้องทำอันดับหนึ่งคือต้องคำนวนว่าบ้านเราใช้ไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน ด้วยการดูบิลค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 3 เดือน – 1 ปี เพราะพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเราจะเป็นเหมือนแนวทางให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าเราจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังผลิตเท่าไร
2.สำรวจปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืน
ลองดูว่าปริมาณที่เราใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน เอามาเปรียบเทียบกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน เราจะได้เห็นว่าถ้าเราจะสามารถลดค่าไฟฟ้าช่วงกลางวันไปได้เท่าไรหากติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
3.เช็คค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
เช็คค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง ทั้งค่าการสำรวจหน้างาน บริการติดตั้ง และค่าใช้จ่ายในการขออนุญาต
4.สำรวจพื้นที่สำหรับติดตั้งและการยื่นเรื่องขออนุญาตติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
เมื่อเราสำรวจการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเลือกปริมาณในการผลิตแล้ว หากต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เราจะต้องทำเรื่องขออนุญาตการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ด้วย
5.ยื่นเรื่องกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
เพราะเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน
6.เริ่มติดตั้งโซลาร์เซลล์
เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะเราจะต้องเริ่มขึ้นหลังคาแล้ว โดยเราจะต้องเลือกทีมช่างที่มีความชำนาญการ เลือกใช้บริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ/ เลือกใช้อินเวอร์เตอร์ที่มีคุณภาพ และเลือกแผงโซลาร์เซลล์และรุ่นของแผงให้เหมาะสม
7.การใช้งาน การดูแลรักษา และการรีไซเคิล
เมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของเราในฐานะเจ้าของบ้านที่จะเป็นคนดูแลรักษา เบื้องต้นคือการล้างแผงโซลาร์เซลล์ไม่ให้มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกมาเกาะ เพราะจะลดประสิทธิภาพการผลิตพลังงานไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์เพียงแค่ใช้น้ำสะอาดฉีดล้างและใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง แผงโซลาร์เซลล์จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับบ้านเรานานประมาณ 25 ปีโดยมาตรฐาน (หากดูแลรักษาดีสามารถใช้งานนานถึง 30 ปี) เมื่อแผงโซลาร์หมดอายุการใช้งานแล้วก็จะต้องนำแผงเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแผงโซลาร์
และสุดท้ายนี้สำหรับท่านใดที่อยากได้รับคำปรึกษาเกี่ยวกับการวางระบบติดตั้งโซลาร์เซลล์ สำหรับที่อยู่อาศัยหรือกิจการโรงงานของท่าน ก็สามารถปรึกษาทางทีมงาน Solar PPM ของเราได้เลยนะค่ะ.
ช่องทางการติดตั้งถึงเรา..
โทร: 02-628-6100 ต่อ 741
E-mail: epc2@solarppm.com
Facebook: https://www.facebook.com/solarppmofficial/
.
#SolarPPM #SolarRooftop #Solarcell #โซลาร์เซลล์ #โซลาร์รูฟท็อป