Blog

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อภาคธุรกิจ

ในยุคที่ปัญหาโลกร้อนและสภาวะอากาศแปรปรวนทวีความรุนแรงมากขึ้น “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” (Carbon Footprint) กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงบ่อยในแวดวงสิ่งแวดล้อมและธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน แต่คาร์บอนฟุตพริ้นท์คืออะไร? มีผลต่อโลกอย่างไร? และเราจะลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้อย่างไรบ้าง? มาหาคำตอบกันในบทความนี้

คาร์บอนฟุตพริ้นท์ คืออะไร?

        คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด (โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ – CO₂) ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้า การเดินทาง การใช้พลังงาน หรือแม้กระทั่งการบริโภคอาหาร วัดออกมาเป็นหน่วย “กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO₂e)”

ยิ่งเรามีกิจกรรมที่ใช้พลังงานฟอสซิลมาก เช่น ขับรถ ใช้ไฟจากถ่านหิน หรือบินบ่อยเท่าไหร่ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของเราก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (39)

วิธีคำนวณ Carbon Footprint

ในระดับสากล ได้กำหนดมาตรฐาน ISO 14064-1 มีการกำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูลและคำนวณค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรใน และ มาตรฐาน ISO 14067 มีการกำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูลและคำนวณค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์สูตรการคำนวณ (อย่างง่าย) คือ GHG emission = Activity data + Emission factor

สูตรการคำนวณโดยทั่วไปคือ: ปริมาณก๊าซเรือนกระจก = ข้อมูลกิจกรรม x ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ตัวอย่างของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในชีวิตประจำวัน

  • ขับรถยนต์ส่วนตัว 1 กม. = ปล่อย CO₂ ประมาณ 0.2 กก.
  • ใช้ไฟฟ้า 1 หน่วย (kWh) จากถ่านหิน = ปล่อย CO₂ ประมาณ 0.9 กก.
  • กินเนื้อวัว 1 กก. = ปล่อย CO₂ ประมาณ 27 กก.

ทำไมคาร์บอนฟุตพริ้นท์ถึงสำคัญ?

        การวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ช่วยให้เรา ตระหนักถึงผลกระทบของพฤติกรรมต่อสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน หากทุกคนร่วมมือกันลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ก็จะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

        และภาครัฐก็ได้ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่ Net Zero และปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยเกินออกมาจะต้องนำมาเสียภาษีคาร์บอน


วิธีลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ง่าย ๆ

  1. เลือกใช้พลังงานสะอาด เช่น ติดตั้งโซล่าเซลล์
  2. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ขนส่งสาธารณะ หรือขี่จักรยาน
  3. ลดขยะ โดยเฉพาะพลาสติก และหันมาใช้ของที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้
  4. บริโภคอย่างยั่งยืน ลดการกินเนื้อสัตว์ และเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่น
  5. ปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยดูดซับ CO₂

ธุรกิจยุคใหม่ก็ต้องใส่ใจคาร์บอนฟุตพริ้นท์

        หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับการวัดและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสินค้าและบริการ เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การติดฉลากคาร์บอน (Carbon Label) หรือการตั้งเป้าหมาย Net Zero Carbon ในอนาคต


สรุป

        คาร์บอนฟุตพริ้นท์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกกิจกรรมของเราล้วนส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม การเริ่มต้นจากการเข้าใจและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์เล็ก ๆ ในองค์ก็ช่วยในเรื่องของภาษี ในชีวิตประจำวัน สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ทั้งในระดับบุคคล องค์กร และสังคม

thai carbon label

เครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (ฉลากลดโลกร้อน) คืออะไร?

เครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ หรือที่หลายคนเรียกว่า ฉลากลดโลกร้อน เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้ผู้บริโภครู้ว่า ผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และสามารถ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด พูดง่ายๆ คือ สินค้าที่มีฉลากนี้ แปลว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าสินค้าทั่วไป เพราะตลอด “วัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์” ได้มีการควบคุมหรือลดการปล่อยคาร์บอนแล้ว วัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ที่ถูกประเมิน การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จะครอบคลุมตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ได้แก่ รูปแบบการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ในการขึ้นทะเบียนฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จะต้องมีการประเมินและเปรียบเทียบ ดังนี้ เมื่อผ่านการพิจารณาตามมาตรฐานที่กำหนดแล้ว

Read More
2568 ติดตั้งโซลาร์เซลล์ยังต้องขออนุญาตไหม

2568 ติดโซลาร์เซลล์ไม่ต้องขออนุญาตแล้วจริงหรือไม่?

หลายคนสงสัยว่า ปี 2568 เป็นต้นไป การติดตั้งโซลาร์เซลล์ต้องขออนุญาตหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ต้องขออนุญาตแล้ว แต่มีเงื่อนไข ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเจ้าของบ้านและโรงงานอุตสาหกรรมที่อยากหันมาใช้พลังงานสะอาด ลดค่าไฟ และช่วยสิ่งแวดล้อม บ้านพักอาศัย: ติดโซลาร์ง่ายขึ้น ไม่ยุ่งยาก ตั้งแต่ กลางปี 2568 เป็นต้นมา หากเป็นการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อใช้ไฟฟ้าเองในบ้าน (ไม่ขายไฟคืนเข้าระบบ) โรงงานและภาคอุตสาหกรรม: ไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 สำหรับฝั่งโรงงาน รัฐบาลได้

Read More
โรงงานสีเขียว

โรงงานสีเขียว ก้าวสำคัญสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

โรงงานสีเขียว คืออะไร (Green Factory) ? คือ โรงงานที่ดำเนินกิจการโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีระบบ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากร พร้อมกับการรับผิดชอบต่อสังคมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ผลักดันโครงการ อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ที่ขับเคลื่อนด้วยหลักการ ประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการเข้าร่วมและให้สัตยาบันในปฏิญญาและความตกลงระหว่างประเทศสำคัญ ได้แก่ ทำไม โรงงานสีเขียว

Read More
PDPA Icon
Privacy Preferences

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save