โลกร้อนขึ้นทุกปี ปรากฏการณ์อากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า ภัยแล้ง น้ำท่วม หรือคลื่นความร้อน ล้วนมีสาเหตุสำคัญจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ “คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)” สู่ชั้นบรรยากาศ จึงเกิดแนวทางแก้ปัญหาอย่าง “คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)” ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของธุรกิจและประเทศต่าง ๆ ในการลดผลกระทบของโลกร้อน
คาร์บอนเครดิต คืออะไร?
คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คือ “หน่วยสิทธิในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ได้ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO₂e)” ที่สามารถซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนได้ โดยองค์กรหรือธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถ ซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการที่ช่วยลดหรือดูดซับคาร์บอน เช่น ปลูกป่า พลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน เพื่อนำมา “หักลบ” กับปริมาณที่ปล่อยจริง

ประเภทของคาร์บอนเครดิต
- Voluntary Carbon Market (VCM)
ตลาดคาร์บอนสมัครใจ เป็นการซื้อขายโดยภาคธุรกิจที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่มีกฎหมายบังคับ เช่น บริษัทที่ต้องการไปสู่ Net-Zero - Compliance Carbon Market
ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ อยู่ภายใต้กฎระเบียบของรัฐ เช่น ประเทศในสหภาพยุโรปที่มีกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซ ต้องซื้อเครดิตหากปล่อยเกินกำหนด
ทำไม “คาร์บอนเครดิต” ถึงสำคัญ?
- ✅ ช่วยลดโลกร้อน: สนับสนุนโครงการลดคาร์บอน เช่น พลังงานหมุนเวียน ป่าไม้ หรือเทคโนโลยีสะอาด
- ✅ เสริมภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว: แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ✅ เตรียมพร้อมสู่ Net-Zero: หลายประเทศรวมถึงไทยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์สุทธิภายในปี 2050–2065
- ✅ ตอบโจทย์ ESG และนักลงทุน: นักลงทุนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
คาร์บอนเครดิตในไทยเป็นอย่างไร?
ในประเทศไทย หน่วยงานอย่าง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) รับผิดชอบด้านการรับรองโครงการและออกคาร์บอนเครดิต เช่น โครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) ที่รองรับโครงการลดการปล่อยคาร์บอนจากพลังงานสะอาด การจัดการขยะ การปลูกป่า และอื่น ๆ
ธุรกิจไทยเริ่มใช้คาร์บอนเครดิตอย่างไร?
- โรงงานอุตสาหกรรมติดตั้ง โซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตไฟฟ้าลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
- บริษัทใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานในอาคาร
- ธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนที่ยังเลี่ยงไม่ได้ (Carbon Offset)
สรุป
หนึ่งในวิธีลดคาร์บอนได้จริงและจับต้องได้ คือการ ติดตั้งโซล่าเซลล์ ในภาคการผลิต เพราะนอกจากจะลดต้นทุนค่าไฟในระยะยาวแล้ว ยังช่วยลดการปล่อย CO₂ ได้โดยตรง ซึ่งสามารถนับเป็นคาร์บอนเครดิตได้เช่นกัน หากเข้าสู่ระบบรับรองที่ถูกต้อง
ธุรกิจที่เริ่มเปลี่ยนวันนี้ คือธุรกิจที่ได้เปรียบในอนาคต
หากคุณสนใจติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์คุณภาพสูง พร้อมให้คำปรึกษาด้านคาร์บอนเครดิตอย่างมืออาชีพ
ติดต่อ Solar PPM – พลังงานคุณภาพจากคนไทย เพื่อคนไทย


