เตรียมปลดล็อค พ.ร.บ โซลาร์เซลล์
เอกนัฏ เร่งทำ พ.ร.บ.โซล่าร์ ของจริงหลังปลดล็อคครัวเรือน โรงงานติดตั้งแผงโซล่าร์ไม่ต้องขออนุญาตแค่แจ้งจบ ประกาศปฎิรูปอุตสาหกรรม New s-curve ต้องผงาดเป็นตัวจับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดัน GDP 1%
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประจำปี สศอ. (OIE Forum) ครั้งที่ 16 “Industrial Reform : ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย
สู่เศรษฐกิจยุคใหม่” ว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยยังคงเผชิญกับบททดสอบและความท้าทายใหม่ ๆ ของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หรือการเปลี่ยนแปลงผู้นำของประเทศมหาอำนาจที่อาจจะสร้างความ ปั่นปวนทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างประเทศ การเติบโตของเทคโนโลยี AI ที่ก่อให้เกิดการแข่งขันและเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ล้วนส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทย
อย่างไรก็ดี สถานการณ์อุตสาหกรรมไทยยังมีแนวโน้มดีขึ้น สะท้อนจากภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ว่าในปี 2568 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มขยายตัว 1.5 – 2.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการค้าระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลักที่เติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการ การลงทุนภาครัฐผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ และการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เข้าถึงแหล่งทุนและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ คาดว่าจะช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจภาพรวมให้ดีขึ้น
“ประเทศไทยจำเป็นที่ต้องปฎิรูปอุตสาหกรรมใหม่เพื่อดึงการลงทุนและสร้างแต้มต่อให้กับประเทศ โดยต้องดึงภาคอุตสาหกรรมที่เคยเป็นเครื่องยนต์หลักให้กลับมาเป็นตัวหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นเดิม โดยต้องมีส่วนผลักดัน GDP เพิ่ม 1% โดยไม่ใช้งบประมาณของภาครัฐ ซึ่งต้องเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งสันดาป และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เป็น New s-curve ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมชีวะภาพ (Bio) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และเรากำลังร่าง พรบ.โซล่าร์ หลังจากที่เราปลอดล็อคเรื่องไม่ต้องขอ รง.4 แล้ว ไม่ว่าจะเป็นครัวเรือน โรงงาน หากจะติดตั้งแต่แจ้งกับหน่วยงานเท่านั้น ซึ่งเราจะได้ทั้งไฟสะอาดและมีไฟราคาถูกลง โดยไม่ต้องผ่านการซื้อกับ กฟผ. ส่วน กฟผ. ก็ไปพัฒนาเรื่องสมาร์ทกริด”
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “การปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ผ่าน 3 ปฏิรูป 3 แนวทาง (สู้ เซฟ สร้าง) ได้แก่
1. “สู้” กับผู้ประกอบการ ที่ทำผิดกฎหมาย ทำร้ายชีวิตประชาชน บริหารจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ คืนน้ำสะอาด แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 สร้างอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย
2 “เซฟ” สร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของภาค อุตสาหกรรม และธุรกิจSMEs สร้างโอกาส สร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย
3 “สร้าง” อุตสาหกรรมใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก
โดยขับเคลื่อนผ่าน 3 แนวทางสำคัญ
1. การสร้างความร่วมมือพันธมิตรห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบ เช่น ปรับมาตรการและสิทธิประโยชน์ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเชื่อมโยงผู้ผลิตไทยเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมหลักต่างๆ ของโลก
2. สร้าง Ease of Doing Business เช่น ปรับกฎหมายและภารกิจเข้าสู่ภาครัฐดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจด้วยระบบดิจิทัล เช่น e-License, e-Monitoring และ e-Payment
3. จัดตั้งกองทุนเพื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืน เน้นพัฒนาบุคลากรในสายอาชีพและอาชีวศึกษา รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ทันสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัว พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น และมุ่งสู่ “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่” ให้เติบโตบนพื้นฐานของความสมดุลและยั่งยืน โดย สศอ. เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมของประเทศ สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการบูรณาการกับทุกภาคส่วน พร้อมนำแนวคิด “สู้ เซฟ สร้าง” และนโยบาย MIND ที่มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมใน 4 มิติ
ได้แก่ มิติที่ 1. การสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ
มิติที่ 2 การส่งเสริมความอยู่ดีกับสังคม
มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล
มิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
แหล่งที่มาข่าว : https://www.prachachat.net/economy/news-1730798